อยากเล่นหุ้น มือใหม่เริ่มต้นยังไงดี

อยากเล่นหุ้น มือใหม่เริ่มต้นยังไงดี

อยากเล่นหุ้น มือใหม่เริ่มต้นยังไงดี

Bitcoin เล่นยังไง cryptocurrency ETH forex เบื้องต้น mitrade Mitrade ดีไหม การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ความรู้เกี่ยวกับหุ้น ซื้อทำไม บิตคอยน์ มือใหม่ ราคาทองคำ ร้านทอง ลงทุนทองคำ วันหยุดตลาดหุ้น วิธีทำกำไร สอนเทรด forex หุ้นต่างประเทศ เคล็ดลับการเทรด เงินเท่าไร เทรด forex มือใหม่ เทรดทอง เทรดทุนน้อย เปิดพอร์ตหุ้น เริ่มต้นการลงทุน เล่นหุ้นมือใหม่ เวลาเปิดปิดตลาดหุ้น เว็บเทรด แท่งเทียน แท่งเทียนกลับตัว โบรกเกอร์

บทนี้คือบทกวดวิชามือใหม่ที่ครอบคลุมมากที่สุดจากข้อมูลพื…

กดที่นี่ เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้นต่างประเทศ

คุณได้ยินคำต่อไปนี้ว่า เก็งกำไรหุ้น ตลาดกระทิง(Bull Market)และตลาดหมี(Bear Market)อยู่เสมอหรือเปล่า แต่สำหรับมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ในการเล่นหุ้นและการจัดการเงิน คำเหล่านี้เป็นเพียงคำศัพท์ที่เหมือนจะเข้าใจแต่ที่จริงไม่เข้าใจ แม้ว่าคุณเล่นหุ้นไม่เป็น แต่ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อคนนี้นะ

เขาก็คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์(Warren Buffett) ที่ได้ร้บการยกย่องว่าเป็น “เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา(Oracle of Omaha)”หรือไม่ก็ “ปราชญ์แห่งโอมาฮา(Sage of Omaha)”  บัฟเฟตต์เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก โดยมีทรัพย์สินประมาณ 96,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ. 2021(ตอนนี้เกิน100,000ล้านแล้ว) ทำให้เขาเป็นมหาเศรษฐีในโลกอันดับที่ 6 จากการจัดอันดับของ Forbes

วอร์เรน บัฟเฟตต์
ผู้เชี่ยวชาญด้านหุ้นที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ธนินท์ เจียรวนนท์
เศรษฐีของประเทศไทยอันดับ 1

แม้ว่ามหาเศรษฐีของประเทศไทยอันดับ 1 นั่นคือพี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ เจ้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นอาณาจักรการค้า เกษตรกรรม และอภิบาลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย พวกเขาก็ครองตำแหน่งอันดับที่ 47 ในโลกจากการจัดอันดับของ Forbes มูลค่าทรัพย์สิน 30,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

หุ้นมีพลังวิเศษอะไร แม้แต่ทรัพย์สินของพี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ ซึ่งเป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ ก็ยังด้อยกว่ารายได้จากหุ้นที่บัฟเฟตต์ซื้อเมื่อสิบปีก่อน ถึงแม้เราเป็นคนธรรมดาที่มีเงินไม่เยอะ ไม่มีวิสัยทัศน์ระยะยาว และไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการเล่นหุ้น แต่ก็ยังจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการเล่นหุ้นและการจัดการเงิน เพราะมันจะช่วยให้เราวางแผนชีวิตได้ดีขึ้น ตั้งเป้าหมายอย่างสมเหตุสมผลจนกว่าเราจะบรรลุเป้าหมายนั้น

ได้รับผลกระทบจาก covid-19 หลายคนมีรายได้ลดลง ว่างงานและแม้สูญเสียรายได้ ในเวลานี้ มีรายได้เสริมนอกจากเงินเดือน เช่น หุ้น กองทุน ซึ่งทำให้เรามั่นใจได้มาก ถ้าคุณสนใจจัดการเงินหรือเล่นหุ้น อยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเล่นหุ้น มือใหม่อ่านบทนี้บทเดียวก็พอแล้วนะ บทนี้จะกล่าวถึงหุ้นจากข้อมูลพื้นฐานถึงปฏิบัติจริง ไม่ต้องหาข้อมูลเยอะแยะมากมายจากที่อื่น บทนี้จะช่วยเริ่มเล่นหุ้นได้

ภาพจาก: โควิดทำตกงาน 3.5 ล้านคน ธุรกิจรัดเข็มขัด ประกาศไม่ขึ้นเงินเดือน-งดโบนัสยาวปีหน้า

1.  หุ้นคืออะไร?

หุ้น(หุ้น – วิกิพีเดีย) คือหลักทรัพย์ประเภทหนึ่ง คือความเป็นเจ้าของธุรกิจที่ถูกแบ่งขายออกมา

พูดง่ายๆ คือ ซื้อหุ้น หรือลงทุนหุ้น ก็คือกลายเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทนั่นเอง ซึ่งสามารถลงคะแนนเสียงในการตัดสินใจครั้งสำคัญได้ หรือเล่นหุ้น แต่การเก็งกำไรหุ้น ก็ไม่จำเป็นต้องมีการถือหุ้นจริง และควรพิจารณาตามวิธีการเล่นหุ้นที่แตกต่างกัน

การเล่นหุ้นจะให้ผลกำไรนักลงทุน 2 แบบด้วยกัน คือ:

1) กำไรจากเงินปันผล:

ถือหุ้นหมายถึงการมีสิทธิที่จะแบ่งปันผลกำไรของบริษัท ดังนั้น เมื่อบริษัททำเงินได้ นักลงทุนสามารถกระจายผลกำไร (เงินสดหรือหุ้นมากขึ้น) ได้ตามสัดส่วนของหุ้นที่ถืออยู่ นี่ก็คือ”เงินปันผล”นั่นเอง

ในอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าปีนี้บริษัททำเงินไม่ได้ ก็รับเงินปันผลไม่ได้…

2) กำไรจากส่วนต่างราคา:

กำไรเกิดจากซื้อหุ้นในราคาต่ำและขายหุ้นในราคาสูง เพื่อให้ได้ส่วนต่างราคากลาง นักลงทุนต้องเข้าใจความผันผวนของราคาหุ้น หาเวลาที่เหมาะสมในการเข้าสู่ตลาดหุ้น และขายให้ทันเวลา

อย่างนี้นักลงทุนต้องใจเย็น ๆ หากตัดสินผิด และซื้อหุ้นในราคาสูงและขายหุ้นในราคาต่ำ อยากร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตาแล้วนะ

ภาพจาก: หุ้นไทยปิดเช้าบวก 8.83 จุด วอลุ่ม 5 หมื่นล้าน แรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปหลังเงินบาทแข็งค่าหนุนแรงซื้อ ตปท.

2. ทำไมต้องเล่นหุ้นและเล่นหุ้นมีเสี่ยงไหม?

สำหรับคนหนุ่มสาวส่วนหนึ่ง รายได้แค่เพียงพอค่าใช้จ่ายเท่านั้น หรือมีแนวโน้มของการบริโภคขั้นสูง เป็นเรื่องธรรมดามาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากแรงงาน ถ้าหยุดทำงาน จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถจ่ายค่าเช่า หรือไม่สามารถชำระคืนเงินกู้และบัตรเครดิตได้

ดังนั้น การวางแผนจัดการเงินอย่างมีเหตุผล ทำให้เราไม่เพียงแต่มีรายได้จากแรงงานเท่านั้น ยังมีจากแบบพาสซีฟผ่านสินทรัพย์ด้วย และแม้แต่รายได้นี้สามารถตอบโจทย์รายจ่ายประจำวันของเราได้ นี่ก็คือ “อิสรภาพทางการเงิน” ดังนั้น ปลูกฝังความรู้สึกที่เหมาะสมของการจัดการเงินตั้งแต่อายุน้อย ๆ จำเป็นมาก

จริง ๆ แล้ว

ชีสฟรีอยู่ตรงกับดักหนู

The only free cheese is in the mouse trap.

Russian proverb

หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ผลตอบแทนสูงจากหุ้นย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงสูงนั่นเอง กำไรกล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ตอนนี้จึงไม่ซ้ำกล่าว ต่อไปนี้มาว่ากันเรื่องความเสี่ยง

ความเสี่ยงในการเล่นหุ้นเอาไว้ 2 ประเภทหลักๆ นั่นก็คือ:

1) ความเสี่ยงที่เป็นระบบ (Systematic Risk)

ความเสี่ยงประเภทนี้ไม่ควบคุม และทำให้หมดไปหรือบรรเทาลงได้ ตัวอย่างของความเสี่ยงจำพวกนี้ก็เช่น:

  • ความเสี่ยงจากการเมือง (Political Risk)แสดงใน กิจกรรมทางการเมืองระหว่างประเทศและนโยบายการควบคุมระดับมหภาคภายในประเทศ ตัวอย่างเช่น ในปี 2020 “ไบเดน(Joe Biden)” ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ประกาศนโยบายจะปรับด้านภาษี; ความวุ่นวายในตลาดหุ้นที่เกิดจาก เบร็กซิต (Brexit); สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ปี 2018 จะกระทบบริษัทจีน ฯลฯ ทั้งนี้จะกระทบราคาหุ้นโดยตรงหรือทางอ้อม
  • ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจ(Economic Risk)แสดงใน การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน  อัตราเงินเฟ้อ และอื่นๆ อัตราดอกเบี้ยยิ่งสูงขึ้น ผู้คนเลือกฝากเงินไปที่ธนาคารยิ่งมากขึ้น และนักลงทุนน้อยลงจะทำให้ตลาดหุ้นตก
  • ความเสี่ยงจากสภาวะตลาด (Market Risk)แสดงใน อารมณ์โดยรวมของนักลงทุนทุกคนในตลาด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อตลาดหุ้นผันผวนอย่างมาก นักลงทุนอ่อนไหวต่อความพ่ายแพ้ จะทำการซื้อขายที่เสียสติ ทำให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่ตรงกับความผันผวนที่คาดไว้

2) ความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ (Unsystemetic Risk)

ความเสี่ยงประเภทนี้คาดการณ์และควบคุมได้ ตัวอย่างจำพวกนี้ก็เช่น:

  • ความเสี่ยงทางธุรกิจ (ฺBusiness Risk)แสดงใน การบริหารบริษัทผิดพลาด ทำให้ความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และถึงจะล้มเหลวหรือปิดธุรกิจลง นักลงทุนจะสูญเสียเงินทุนส่วนใหญ่หากไม่หยุดการสูญเสียทันเวลา
  • ความเสี่ยงทางการเงิน (ฺFinancial Risk)แสดงใน ปัญหาทางการเงินของบริษัท ตัวอย่างเช่น ในปี 2020 “ลัคกิน คอฟฟี่” (Luckin Coffee)  ทำ  การรายงานทางการเงินที่เป็นการฉ้อโกง แล้วถูกถอดหุ้นออกจากตลาดNASDAQ ซึ่งทำให้นักลงทุนจำนวนนับไม่ถ้วนสูญเสียมหาศาล
  • นอกจากความเสี่ยงที่ข้างต้นกล่าวถึง ยังมีความเสี่ยงอย่างกะทันหันและคาดคิดไม่ได้ ที่เป็นความเสี่ยงจากสภาวะการณ์ที่ไม่คาดคิด (Event Risk) ยกตัวอย่างง่าย ๆ กับเหตุการณ์ในปัจจุบัน เมื่อต้นปี 2020 Covid-19 ที่ระบาดใหญ่กว้าง มันทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำลง ตลาดหุ้นก็ตกต่ำลง ส่งผลต่อเศรษฐกิจยาวนานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อความเสี่ยงที่เป็นระบบเกิดขึ้น ก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั้งหมด แต่ความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบสามารถกระจายหรือหลีกเลี่ยงความเสี่ยงโดยวิธีการทางเทคนิค ดังนั้น ควรใช้เงินเท่าไหร่ในการลงทุน เล่นหุ้นเป็นพอร์ทยังไงหรือเก็งกำไรแบบ Portfolio Trading ที่ทำเหมาะสม วางแผนการประเมินความเสี่ยงที่รับได้ของตนเองยังไง เลือลงทุนใดที่สามารถจำกัดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้แต่ได้รับผลตอบแทนสูงสุด หากสนใจคำถามเหล่านี้ ก็อ่านต่อไปนะ

นอกจากหุ้นแล้ว ชนิดของผลิตภัณฑ์การลงทุนที่แตกต่างยังมีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน  ดูรายละเอียดในแผนภูมิพีระมิดด้านล่างซ

ภาพจาก: High Risk Financial Investment Scams

3.  อายุเท่าไหร่ที่จะเริ่มเล่นหุ้นดี และใช้เงินเท่าไรถึงจะเล่นหุ้นได้?

เวลาที่ดีที่สุดที่ควรปลูกป่าคือ 20 ปีที่แล้ว เวลาที่ดีที่สุดรองจากนั้นคือ ตอนนี้เลย

(The best time to plant a tree was 20 years ago. The second best time is now.)

ดัมบิซ่า โมโย่(Dambisa Moyo) นักเศรษฐศาสตร์หญิงชาวแอฟริกัน
กล่าวในหนังสือของเธอเรื่อง “Dead Aid” ว่า

เช่นเดียวกับการเล่นหุ้น

ว่าโดยทั่วไป อายุที่เราเริ่มลงทุนยิ่งน้อย มีเงินทุนยิ่งน้อย สูญเสียค่าใช้จ่ายยิ่งน้อย ความสามารถในการต้านทานความเสี่ยงยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และแอมพลิจูดที่เรียนรู้และเติบโตก็ยิ่งใหญ่ขึ้นนั่นเอง

คุณมีสถานการณ์เช่นนี้หรือไม่: เงินเดือนพอได้ไม่กี่วัน ก็ใช้หมดแล้วโดยไม่รู้ตัว อาจจะจ่ายค่าเช่าและบัตรเครดิตไม่ได้ หากคุณอยากรู้วิธีการวางแผนค่าใช้จ่ายอย่างสมเหตุสมผล สูตรการคำนวณที่วางไว้ด้านล่างจะช่วยนักลงทุนมือใหม่สร้างแนวคิดเบื้องต้นได้: 

1) รายได้รวม x 60% = ค่าใช้จ่าย

2) รายได้รวม x 30% = การลงทุน

3) รายได้รวม x 10% = เงินฝากกระแสรายวัน

ในส่วนที่สองของการลงทุน 30% ก็สามารถเลือกพอร์ตการลงทุนตามสถานการณ์จริงเองได้:

ก่อนที่จะเริ่มจัดพอร์ตการลงทุนคร่าวๆ เราสามารถถามตัวเองสองสามคำถามได้ว่า:

เราชอบอ่านและวิเคราะห์ตัวเลขหรือไม่?

เราชอบอ่านข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทต่างๆ ที่จะซื้อหุ้นหรือไม่?

เราสามารถอุทิศเวลาสองสามชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อค้นคว้าการลงทุนในตลาดหุ้นได้หรือไม่?

อย่างไรก็ตาม ก็มีพอร์ตโฟลิโอที่เหมาะสม 

นักลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ:

1)เงินฝากออมทรัพย์ปกติ 40% + กองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ 30% + หุ้น/กองทุนหุ้น 30%

นักลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลาง:

2) เงินฝากออมทรัพย์ปกติ 20% + กองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ 30% + หุ้น/กองทุนหุ้น 50%

นักลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง:

3) เงินฝากออมทรัพย์ปกติ 10% + กองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ 20% + หุ้น/กองทุนหุ้น 70%

ที่มา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คู่มือผู้ลงทุน: ฉบับลงทุนในกองทุนรวม

มีเงิน 100,000 ลงทุนอะไรดี Plan Your Money มีคำตอบ

ดังนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งทำงานไม่นาน หรือเป็นคนที่ทำงานมาหลายปีแล้ว มาลงมือกันเลย!

แล้วเราจะวัดได้อย่างไรว่า หุ้นนี้จะลงทุนได้หรือไม่ มันสามารถช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและได้ผลตอบแทนสูงสุดไม้? เราจะอธิบายโดยละเอียดในหัวข้อถัดไป


4.  เลือกหุ้นยังไง มือใหม่ต้องสังเกตอะไร?

มือใหม่สามารถลดความเสี่ยงทางการเรียนรู้หุ้น เพื่ออิทธิระดับผลตอบแทนจากการลงทุนของเรา

ก่อนเริ่มเล่นหุ้น มือใหม่ต้องเรียนรู้วิธีการอ่านกราฟและข้อมูลต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังต้องทำก่อนคือ ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหุ้นที่จะซื้อขายจากแหล่งต่างๆ

หากจะลงทุนระยะยาว เราสามารถ ค้นหาสถานการณ์ของบริษัทได้จากมิติต่อไปนี้:

ข้อแรกคือ เข้าใจการวางแผนกลยุทธ์ของบริษัท ปีเตอร์ ดรักเกอร์ (Peter Drucker) กูรูด้านการบริหารระดับโลกเคยกล่าวไว้ว่า “Culture eats strategy as breakfast.”  ดังนั้น เราสามารถดูวัฒนธรรมองค์กรและการจัดการภายใน จากมุมมองของความสัมพันธ์ระหว่างการจัดการแรงงาน

ข้อที่สองคือ เข้าใจว่าธุรกิจของบริษัทมีความสามารถในการแข่งขันหลัก และมีช่องว่างให้พัฒนาเติบโตหรือไม่ อย่างนี้เราจะเห็นได้ว่า บริษัทมีความยั่งยืนหรือไม่

ข้อที่สามคือ เข้าใจความแข็งแกร่งของงบการเงินของบริษัทและการเติบโตของผลการดำเนินงาน และพิจารณาจริยธรรมเครดิตจากงบการเงิน

ข้อที่สี่คือ สถานภาพทางการเงินของบริษัทที่อ่านจากรายงานทางการเงินมั่นคงไหม ธุรกิจพัฒนาไปได้ดีหรือไม่

ข้อสุดท้ายคือ เราต้องทราบถึงความยากลำบากในปัจจุบันที่บริษัทกำลังเผชิญอยู่ ทำความเข้าใจและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ในผลการดำเนินงานของบริษัทในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า ให้ความสนใจกับเหตุการณ์สำคัญของบริษัท และเตรียมพร้อมสำหรับความเสี่ยงล่วงหน้า

กล่าวโดยย่อก็คือ เลือกหุ้นที่คุณภาพดี พร้อมการเติบโตอย่างยั่งยืน มีการจัดการบริษัทที่ยอดเยี่ยม มีความสามารถในการแข่งขันหลักของธุรกิจ มีโอกาสที่กว้างสำหรับอุตสาหกรรม และไม่มีสถานการณ์ที่ตีค่ามากเกินไปเนื่องจากโอเวอร์มาร์เก็ตติ้งในเวลาสั้น

โปรดทราบ! เมื่อเลือกหุ้น แนวคิดที่สำคัญต่อไปนี้ควรจารึกไว้ในใจ:

1. กระจายพอร์ตการลงทุนให้มากที่สุด

2. ลงทุนองค์กรที่รู้จักกันเท่านั้น

3. หลีกเลี่ยงหุ้นที่มีความผันผวนสูง จนถึงจะเข้าใจเทคนิคการลงทุน

4. หลีกเลี่ยงหุ้นราคาถูกอยู่เสมอ

5. ทำความเข้าใจพื้นฐานและแนวคิดในการประเมินหุ้น

พูดมากแล้ว นักลงทุนเข้าใจความรู้พื้นฐานหุ้นและความสำคัญเล่นหุ้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่อาจจะยังคงไม่รู้จักคำศัพท์สำคัญในเล่นหุ้น อ่านกราฟก็งงไม่รู้เรื่อง ตอนต่อไปจะตอบความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่ และช่วยมือใหม่อ่านกราฟที่สำคัญ อยากรู้ก็อ่านต่อเลย

หุ้นทั่วโลกยังเปราะบาง


5.  มีอะไรคำศัพท์หุ้นสำคัญที่ต้องรู้ก่อน?

มือใหม่ถ้าอยากเริ่มเล่นหุ้น ก็ต้องเรียนรู้อ่านกราฟแท่งเทียนก่อน นี่คือก้าวแรกและก้าวที่สำคัญที่สุดที่จะเข้าสู่ตลาดหุ้น จากการอ่านกราฟแท่งเทียน เราจะทราบแนวโน้มของหุ้นในอดีตได้

เราอธิบายด้วยกราฟแท่งเทียนที่จริง ใช้หุ้น Microsoft เป็นตัวอย่าง

กราฟแท่งเทียน(📖กราฟแท่งเทียน)ถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวญี่ปุ่น เป็นรูปแบบของแผนภูมิทางการเงินที่ใช้อธิบายการเคลื่อนไหวของราคาของ หุ้น ความปลอดภัย อนุพันธ์ หรือสกุลเงิน 

图片摘自 mitrade.com

มีข้อมูลสำคัญหลายประการในรูปนี้:

เราอ่านรูปจากบนลงล่าง ก่อนอื่นคือตัวเลขและตัวอักษรอังกฤษ

①MSFT คือชื่อย่อหุ้นของ Microsoft ——คือหมายเลขประจำตัวของหุ้น

②15 คือ Time Frame หมายความว่า กราฟแท่งเทียนที่วาดด้วย 15 นาทีเป็นหน่วยเวลา

Time Frame จะมีค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวตั้งแต่ 1 นาที, 5 นาที, 15 นาที, 30 นาที, 1 ชั่วโมง, วัน, สัปดาห์ และเดือน

Time Frame สัปดาห์ และ Time Frame เดือน มักใช้ศึกษาตลาดระยะกลาง สำหรับนักลงทุนการระยะสั้น Time Frame นาที ก็มีค่าอ้างอิงที่สำคัญด้วย

O: 298.00 คือราคาเปิด H: 299.13 คือราคาสูงสุด L: 297.89 คือราคาต่ำสุด และ C: 299.11 คือราคาปิด

ราคาเปิดหมายถึงราคาของธุรกรรมแรกในขั้นตอนการประมูล ราคาปิดหมายถึงราคาของธุรกรรมล่าสุด ราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดหมายถึงราคาสูงสุด/ต่ำสุดของราคาซื้อขายตามลำดับ

ต่อไป ซูมดูกันได้เลย เราจะอ่านได้ว่า มีแท่งเทียนอยู่บนแผนภูมิและเส้นทึบ 3 ลูกคลื่นและเส้นประ 1 ลูกขนาน

ภาพจาก mitrade.com

แท่งเทียนสีเขียว หมายถึงราคาหุ้นเพิ่มขึ้น และแท่งเทียนสีแดง หมายถึงราคาหุ้นลดลง คำอธิบายโดยละเอียดสามารถอ่านรู้จากต่อไปนี้

ภาพจาก [Cashury] แท่งเทียนสีเขียวแดง บอกอะไรเราบ้าง?

เส้นประคือเส้นราคา ซึ่งแสดงถึงราคาธุรกรรมล่าสุด

เส้นทึบคือ เส้นค่าเฉลี่ย(Moving Average ตัวย่อ MA) ตามที่แสดงในภาพ สีเหลือง สีเขียว และสีน้ำเงิน คือ MA5 MA10 และ MA30 ตามลำดับ นั่นคือ 5, 10 และ 30 อัน 15 นาทีเป็นค่าเฉลี่ยภายในหนึ่งวัฏจักร

เส้นค่าเฉลี่ยสองเส้น ข้ามมารวมกันเป็น:

1. Golden cross เกิดขึ้น บนเงื่อนไขว่า เมื่ออยู่ในช่วงเริ่มต้นของราคาสูงขึ้นในตลาด เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น ตัดขึ้นเหนือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาวจากล่างขึ้นบน แสดงว่าราคาจะสูงขึ้นในอนาคต ตัวอย่างเช่น MA5 ตัดขึ้นไปเหนือ MA10 และ MA10 ตัดขึ้นไปเหนือ MA30

2. Death cross เกิดขึ้น บนเงื่อนไขว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น  ตัดลงต่ำกว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว แสดงว่าราคาจะลงต่ำในอนาคต ตัวอย่างเช่น MA5 ตัดลงต่ำกว่า MA10 และ MA10 ตัดลงต่ำกว่า MA30

เส้นแนวรับ (Support line) และเส้นแนวต้าน(Resistance line)

คือเส้น ที่เชื่อมต่อระหว่างจุดต่ำสุด หรือจุดสูงสุด ของระดับราคาหุ้นในช่วงเวลาเดียวกัน

เส้นแนวรับ มีหน้าที่ รับไว้ไม่ให้ราคาหุ้นตก และเส้นแนวต้าน ก็มีหน้าที่ ต้านไว้ไม่ให้ราคาหุ้นขึ้น

ถ้าราคาปิดต่ำกว่าเส้นแนวรับหรือขึ้นเหนือแนวต้าน การกลับตัวของแนวโน้มอาจเป็นโอกาสในการขายหรือซื้อ

นอกจากคำศัพท์จากกราฟแท่งเทียนด้านบนแล้ว ยังมีคำศัพท์ที่มักได้ยิน แต่ไม่เข้าใจความหมายใช่ไหม

ตลาดกระทิง และตลาดหมี

ตลาดกระทิง หรือที่เรียกว่าตลาดยาว หมายถึงสถานการณ์ที่นักลงทุนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเข้าสู่ตลาดทีละคนและตลาดหุ้นก็ร้อนแรง ในทางกลับกัน ตลาดหมี หรือที่เรียกว่าตลาดส้ัน เป็นความคาดหวังของตลาดหุ้นขาลงและมุมมองในแง่ร้าย

 รูปปั้นหมีกับกระทิง ที่ตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต(The Bull & Bear Statues at the Frankfurt Main Stock Exchange)

รูปปั้นมีกับกระทิงที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี แสดงถึงความสมดุลของตลาดหุ้น ต่อมา คำว่า “กระทิง” และ “หมี” ถูกใช้มาแทนการขึ้นและลงของตลาดหุ้นและค่อยๆ แผ่ขยายออกไป

Long (Buy) และShort (Sell) 

Long (long position) หมายถึง การซื้อสกุลเงินและรอให้แข็งค่าก่อนขาย ในกรณีนี้ นักลงทุนได้ประโยชน์จากราคาที่สูงขึ้น

Short (short position) หมายถึง การขายสกุลเงินและรอให้ค่าเงินอ่อนค่าลงก่อนซื้อคืน ในกรณีนี้ นักลงทุนได้ประโยชน์จากตลาดขาลง

สัญญาการซื้อขายส่วนต่าง(Contract For Difference CFD): สะท้อนการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้นหรือดัชนี และให้ผลกำไรหรือขาดทุนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของหุ้นหรือดัชนีฟิวเจอร์สจริงๆ กล่าวโดยย่อ มันคืออนุพันธ์ทางการเงินที่สามารถซื้อขายในตลาดที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนจำนวนเล็กน้อย โดยมีผลตอบแทนสูงและความเสี่ยงสูง 

อ่านคำศัพท์สำคัญๆ มากมายที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว รู้สึกว่าเล่นหุ้นยากและซับซ้อนใช่ไหม ไม่เป็นไรซิ อ่านต่อไป เราจะแนะนำขั้นตอนพื้นฐานก่อน แล้วดำเนินการเปิดบัญชีจริง ถ้าสนใจก็อ่านต่อนะ


6.  เริ่มต้นเล่นหุ้น ต้องมีกี่ขั้นตอน?

ถ้าความรู้พื้นฐานของการลงทุนหุ้นข้างต้นก็เข้าใจหมดแล้ว จากนั้นสามารถเตรียมเงินและลองลงทุนได้

ขั้นแรก เลือกโบรกเกอร์ที่ถูกตัวและเปิดบัญชี

ก่อนเลือกโบรกเกอร์ ให้ถามตัวเองว่า: ความต้องการของเราคืออะไร? เราอยากบรรลุเป้าหมายอะไร

ปกติ การเลือกโบรกเกอร์สามารถตัดสินได้จากปัจจัยต่อไปนี้:

1. โครงสร้างต้นทุน: ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ หรือไม่

2. บัญชีขั้นต่ำ: ต้องเก็บเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชีหรือไม่ โบรกเกอร์ออนไลน์ส่วนใหญ่ไม่ได้กำหนดเงินฝากขั้นต่ำ

3. ประเภทกองทุน : มีกองทุนให้เลือกเพียงพอหรือไม่ การเลือกหุ้นทีละตัวไม่เหมาะกับทุกคนโดยเฉพาะมือใหม่

4. ฟังก์ชันและการสนับสนุน: ฟังก์ชันและการสนับสนุนของโบรกเกอร์นี้ตรงกับความต้องการของเราหรือไม่

ขั้นที่สอง คือ การโอนเงินเข้าบัญชี

ใช้ Mitrade เป็นตัวอย่าง ในขั้นตอนนี้ เราสามารถโอนเงินผ่าน Mastercard, Internet online Banking และ WIRE Transfer

ขั้นสุดท้าย คือ การซื้อหุ้นในเวลาที่เหมาะสม

ก่อนซื้อ ควรใช้เวลาศึกษาประสิทธิภาพของหุ้นนี้ในการประเมินความเสี่ยงที่กล่าวถึงข้างต้น

หากยังไร้ความรู้สึกจริง เราจะช่วยให้นักลงทุนเลือกโบรกเกอร์ที่ถูกตัว และลองใช้ในขั้นตอนต่อไป สนใจก็อ่านต่อไปได้เลย


7.เลือกโบรกเกอร์ยังไงให้ถูกตัว?

โบรกเกอร์สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท

①โบรกเกอร์ที่น่าเปิดพอร์ตหุ้นแบบดั้งเดิม

ข้อดี: โบรกเกอร์เหล่านี้จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สามารถถือหุ้นได้จริง เหมาะกับนักลงทุนระยะยาว ประเภทการซื้อขายมีความครอบคลุมและหลากหลาย และมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลและช่วยจัดการด้านการเงิน

ข้อเสีย: ขั้นตอนการเปิดบัญชีซับซ้อน ต้องเผชิญหน้าด้วยตนเอง มักจะมีค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมการจัดการที่สูงขึ้น

②โบรกเกอร์ส่วนลดออนไลน์

ข้อดี: ง่าย สะดวก เมื่อเปิดบัญชีก็เทรดได้ทุกเวลา สามารถจำลองการซื้อขายก่อนเทรดจริง และมีส่วนลดมากมาย เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะสั้นเพื่อการเก็งกำไรหุ้น

ข้อเสีย: ต้องหาโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ผ่านการตรวจสอบใบอนุญาต ไม่เช่นนั้น จะเสี่ยงต่อการถูกฉ้อโกง ตัวอย่างเช่น การฉ้อโกงของ Ponzi

โดยสรุป MiTrade เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ ที่มีหน้าการซื้อขายที่เรียบง่าย และใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนที่มีประสบการณ์และมือใหม่

เป็นบริษัทย่อยของ The Mitrade Global Pty Ltd และจัดตั้งขึ้นในเมลเบิร์น เมืองหลวงของประเทศออสเตรเลีย เราสามารถลงทะเบียนบัญชีผ่านหน้าเว็บ หรือแอป (หาMitrade ได้โดย Google play หรือ apple store) เพื่อซื้อขายและถือสินทรัพย์ยอดนิยม โดยมีค่าคอมมิชชั่นเป็นศูนย์และให้ CFD

MiTrade ได้รับการรับรองและควบคุมโดย ASIC มีแปดภาษาให้เลือก เช่นไทยและอังกฤษ และมีบริการสนับสนุนลูกค้าชาวไทยออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันรายสัปดาห์ มีเครื่องมือที่มีประโยชน์มากมาย รวมถึงบทความข่าว ข้อมูลเชิงกลยุทธ์เชิงลึกเกี่ยวกับ CFD เป็นต้น เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ


8.  เปิดบัญชีและเล่นหุ้นจริงเป็นอย่างไร? ปฏิบัติจริงให้ดู

ยกตัวอย่าง mitrade เราเปิดบัญชีจริงบนหน้าเว็บ:

  1. เปิดบัญชี

เข้าไปที่ mitrade.com →Mitrade | Trade Forex, Gold, Oil, Indices, Shares & More on Our Award-Winning Platform

คลิกลงทะเบียน ใส่อีเมลและรหัสผ่านเพื่อลงทะเบียนบัญชีทดลอง

หรือลงทะเบียนกับ Facebook, Google, Apple ID ฯลฯ ก็ได้

  1. แปลงเป็นบัญชีจริง และฝากเงินเข้าบัญชี

กรอกข้อมูลประจำตัวให้ครบถ้วน ก่อนทำธุรกรรมจริง

กรอกข้อมูลประจำตัวตามขั้นตอน

ผ่านการยืนยันตัวตนภายใน 24 ชั่วโมง เงินสามารถฝากเข้าบัญชีผ่าน Mastercard, Internet Online Banking และ WIRE Transfer

  1. เริ่มต้นเทรด

คลิกปุ่มซื้อขายที่ด้านซ้ายบน จากนั้นเลือก “หุ้นสหรัฐฯ” ในพื้นที่ “ยอดนิยม” ถัดจากปุ่ม “ซื้อขาย”

จากนั้น เราสามารถคลิก “ซื้อ” หรือ “ขาย” เพื่อเทรดหุ้น

  1. ถอนเงิน

เมื่ออยากถอนรายได้ เพียงคลิกปุ่ม “เงินทุน” ทางด้านซ้าย จากนั้นคลิก “ถอนเงิน”ก็ได้

  1. สรุป

โดยทั่วไป ขั้นตอนการซื้อขายและอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ Mitrade นั้นเรียบง่ายและชัดเจน และเครื่องมือเสริมก็ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นมิตรกับผู้เริ่มต้นมาก  ไม่ว่าเพียงอยากใช้แพลตฟอร์มการเล่นหุ้นที่ใช้งานง่าย หรืออยากใช้แพลตฟอร์มที่มีแหล่งข้อมูลทางการศึกษา การวิจัย ข่าวสาร และการสนับสนุนลูกค้า mitrade ก็เพียงพอต่อความต้องการของเรา


9.หนังสือเกี่ยวกับการจัดการเงินหรือเล่นหุ้นมีอะไรบ้าง?

อ่านข้อความดังกล่าวข้างต้นแล้ว อยากเรียนความรู้อย่างเป็นระบบและครอบคลุมมากขึ้นหรือไม่ หรืออยากเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับลูกเด็กหรือไม่ ตอนต่อไปจะแนะนำหนังสือบางเล่มสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่มีอายุต่างกัน:

① เด็กและผู้เยาว์อายุ 6-18 ปี

จุดประสงค์: ปลูกฝังจิตสำนึกในการจัดการเงินและชุดติดตั้งเพิ่มความฉลาดทางการเงิน

此图片的alt属性为空;文件名为lUmghL2QBCTtkFTIsYCEUkUfYEeEXzQsX3q-3wtoLjBG_I_x62GMQt9kSvG3DfzIccU0ciuRt0chYT5MC4saQ0bPEvJuit65Hjkcgh97J-bpyee2jJBQ4WvZYQ5K1zVj4_eoGh3l=s0

“หมาน้อยสอนรวย (Ein Hund namens MONEY)” 

ผู้เขียน โบโด เชฟเฟอร์ (Bodo Schafer) 

เป็นหนังสือการจัดการเงินที่เรียบง่าย เข้าใจง่าย และใช้งานได้จริง ซึ่งเหมาะมากสำหรับเด็กที่จะอ่าน แต่ละครั้งที่อ่านหนังสือเล่มนี้ จะได้รับความคิดใหม่ๆ เกิดขึ้น มันให้เราเข้าใจวิธีรับความมั่งคั่งและความสำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้นทางเรื่องราว เรื่องนี้เรียบง่าย คือ มีหมาน้อยชื่อ money พูดภาษามนุษย์ได้ มันสอนเด็กหญิงอายุ 12 ขวบวิธีการจัดการเงิน

“พ่อรวยสอนลูก (Rich Dad Poor Dad)” 

ผู้เขียน โรเบิร์ต ที. คิโยซากิ (Robert T. Kiyosaki )

เป็นหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและการจัดการเงินขายดีติดอันดับมายาวนาน นำความคิดตรัสรู้ของการลงทุนและการจัดการเงินมาสู่คนหนุ่มสาว ตีพิมพ์ซ้ำหลายครั้งในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนเปรียบเทียบพ่อของผู้แต่ง (พ่อยากจน) กับพ่อของเพื่อน (พ่อรวย) อย่างต่อเนื่อง เช่น ความแตกต่างทางบุคลิกภาพ ความคิด พฤติกรรม และผลลัพธ์ เพื่อชี้เจนสาเหตุที่สร้างความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน

②ผู้ใหญ่และนักลงทุนมือใหม่อายุ 19 ปีขึ้น

จุดประสงค์: การศึกษาอย่างเป็นระบบเพื่อปฏิบัติจริง

“คัมภีร์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (The Intelligent Investor) “

ผู้เขียน เบนจามิน เกรแฮม (Benjamin Graham) 

เป็นหนังสือคลาสสิกในด้านการปฏิบัติการลงทุน หนังสือเล่มนี้ใช้งานได้จริงมาก โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนมือสมัครเล่น

อธิบาย “โหมดการคิดที่ถูกต้องในการตัดสินใจลงทุน และวิธีหลีกเลี่ยงความเสียหายทางอารมณ์ต่อความมีเหตุผล” และให้คำแนะนำทางการเลือก และการดำเนินการตามกลยุทธ์การลงทุน แก่คนทั่วไป ยังสอนเราลักษณะและกฎของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น หลักทรัพย์ กองทุน หุ้น ฯลฯ จากหนังสือเล่มนี้ เราสามารถเรียนรู้ว่า นักลงทุนที่ฉลาดคิดและดำเนินการอย่างไร

“มือใหม่มาก อยากเล่นหุ้น”

ผู้เขียน ภาววิทย์ กลิ่นประทุม

เป็นหนังสือที่สอนการหาเงินด้วยหุ้นที่เข้าใจง่ายที่สุด หนังสือเล่มนี้ สอนการหาเงิน และพูดเรื่องหุ้นที่เข้าใจง่ายที่สุด สอนคนหาเงิน ไม่ต้องไปวนหางาน หลาหหลายเรื่องราวที่ถูกรวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้จะช่วยเราเข้าใจได้ง่าย

“มือใหม่เล่นหุ้นแนวเทคนิค ฉบับเริ่มต้นจนเล่นจริง”

ผู้เขียน เม่าปีกบาง

เป็นหนังสืออธิบายการเล่นหุ้นแนวเทคนิคแบบง่ายๆ เหมาะกับผู้เล่นหุ้นมือใหม่ ที่สนใจ “การเล่นหุ้นแนวเทคนิค”  

หนังสือเล่มนี้อธิบายถึงวิธีการเปิดบัญชีและการขายหุ้นแบบออนไลน์ อธิบายถึงการเล่นหุ้นแนวเทคนิคตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงการเล่นจริง พูดถึงการสังเกตหุ้นปั่นจากกราฟ พูดถึงการคาดการณ์ผลกระทบของเหตุการณ์ต่างๆ vs ความจริง และบอกถึงแหล่งศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเล่นหุ้นเพิ่มเติม

เนื้อหาข้างต้นคือเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับมือใหม่เล่นหุ้นหรือว่ามือใหม่ลงทุนของบทความนี้แล้ว การเล่นหุ้น ไม่ยากอย่างที่คิดใช่ไหม หากคิดว่ามีประโยชน์มาก สามารถกดปุ่ม”ชอบ”ได้นะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *